วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

ผลกระทบทางด้านเทคโนโลยี


ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศเทคโนโลยี สารสนเทศ มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับมนุษย์เป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ ย่อมเกิดผลกระทบทั้งในแง่บวกและแง่ลบ โดยแง่บวกจะมองเห็นได้ง่ายจากสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น ทำงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ส่วนด้านลบคือทำให้เกิดมลพิษ
ต่าง ๆ มากมาย หรือถ้า เทคโนโลยีเหล่านั้นทำงานผิดพลาดในระบบสำคัญ ๆ อาจเป็นอันตรายกับชีวิตมนุษย์ได้ ผลกระทบนี้ย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิตและการทำงานของ มนุษย์หลาย ๆ ด้าน และต่อสถาบันที่ให้บริการสารสนเทศ ดังนี้

  1. ด้านการรักษาพยาบาล ระบบการรักษาพยาบาลทางไกล คนไข้สามารถใช้บริการของโรงพยาบาลโดยแพทย์ผู้เชียวชาญ สามารถพูดคุยกับคนไข้ทางจอทีวี หรือจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูอาการ และวินิจฉัยโรคได้
2. ด้านความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต
2.1 ระบบ “การซื้อสินค้าทางไกล (Tele Shopping ) เช่น การซื้อสินค้าบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การดูโฆษณาสินค้าบนระบบเครือข่าย ติดต่อสื่อสารกับผู้ขายเพื่อ ดูรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้า
2.2 ระบบธนาคารทางไกล(Tele-Banking ) ลูกค้าสามารถใช้บริการธนาคารได้ที่บ้าน เช่นการโอนเงิน การขอดูยอดคงเหลือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถ เชื่อมต่อเข้ากับระบบของธนาคารที่ผู้นั้นใช้บริการอยู่
2.3 ด้านความบันเทิง เช่นการเลือกชมภาพยนตร์ที่บ้านโดยใช้บริการ”Video on Demand “ หรือ ”การเลือกชมรายการภาพยนตร์ตามความสนใจ”
2.4 ด้านการศึกษา การเรียนการสอนทางไกล(Tele-Education )
2.5 ด้านการติดต่อสื่อสาร การใช้ไปรษณีย์อิเลคทรอนิกส์(E-mail )
2.6 ด้านการติดตามข้อมูล ความรู้ข่าวสารเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล ช่วยให้การเผยแพร่ความรู้ข่าวสารระหว่างกันเป็นไปอย่างรวดเร็ว
2.7 ด้านธุรกิจ ระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ(Tele-Conference ) ทำให้ประหยัดเวลาเดินทางไม่ต้องไปร่วมประชุมในสถานที่เดียวกัน
ใน ส่วนที่เป็นสถาบันบริการสารสนเทศ เช่น ห้องสมุด เมื่อมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานห้องสมุด เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบหลายด้าน ทั้งโครงสร้างการดำเนินงาน การบริหาร และการจัดการ อาคารห้องสมุด และผู้ใช้ห้องสมุด

ผลกระทบทางบวก
            1. เพิ่มความสะดวกสบายในการสื่อสาร การบริการและการผลิต ชีวิตคนในสังคมได้รับความสะดวกสบาย เช่น การติดต่อผ่านธนาคารด้วยระบบธนาคารที่บ้าน (Home Banking) การทำงานที่บ้าน ติดต่อสื่อสารด้วยระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การบันเทิงพักผ่อนด้วยระบบมัลติมีเดียที่บ้าน เป็นต้น
            2. เป็นสังคมแห่งการสื่อสารเกิดสังคมโลกขึ้น โดยสามารถเอาชนะเรื่องระยะทาง เวลา และสถานที่ได้ ด้วยความเร็วในการติดต่อสื่อสารที่เป็นเครือข่ายความเร็วสูง และที่เป็นเครือข่ายแบบไร้สายทำให้มนุษย์แต่ละคนในสังคมสามารถติดต่อถึงกัน อย่างรวดเร็ว
            3. มีระบบผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ในฐานข้อมูลความรู้ เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านที่เกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ แพทย์ที่อยู่ในชนบทก็สามารถวินิจฉัยโรคจากฐานข้อมูลความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทางการแพทย์ในสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงได้ทั่วโลกหรือใช้วิธี ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในระบบทางไกลได้ด้วย
             4. เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างโอกาสให้คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาสจากการพิการทางร่างกาย เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือคนพิการให้สามารถพัฒนาทักษะและความรู้ได้ เพื่อให้คนพิการเหล่านั้นสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ผู้พิการจึงไม่ถูกทอดทิ้งให้เป็นภาวะของสังคม
             5. พัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเกิดการศึกษาในรูปแบบใหม่ กระตุ้นความสนใจแก่ผู้เรียน โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการสอน (Computer-Assisted Instruction : CAI) และการ เรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์ (Computer-Assisted Learning : CAL) ทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในบทเรียนมากยิ่งขึ้น ไม่ซ้ำซากจำเจผู้เรียนสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ด้วยระบบที่เป็นมัลติมีเดีย นอกจากนั้นยังมีบทบาทต่อการนำมาใช้ในการสอนทางไกล (Distance Learning) เพื่อผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาในชนบทที่ห่างไกล
            6. การทำงานเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น กล่าวคือช่วยลดเวลาในการทำงานให้น้อยลง แต่ได้ผลผลิตมากขึ้น เช่น การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing) เพื่อช่วยในการพิมพ์เอกสาร การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบงานลักษณะต่างๆ
            7. ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการบริโภคสิ้นค้าที่หลากหลายและมีคุณภาพดีขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้รูปแบบของผลิตภัณฑ์มีความแปลกใหม่และหลากหลายมากยิ่งขึ้นผู้ผลิตผลิต สิ้นค้าที่มีคุณภาพ ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการ และช่องทางทางการค้าก็มีให้เลือกมากขึ้น เช่น การเลือกซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตและการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ผลกระทบทางลบ
            1. ก่อให้เกิดความเครียดขึ้นในสังคม เนื่องจากมนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เคยทำอะไรอยู่ก็มักจะชอบทำอย่างนั้นไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร บุคคลวิถีการดำเนินชีวิตและการทำงาน ผู้ที่รับต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้จึงเกิดความวิตกกังกลขึ้นจนกลายเป็นความ เครียด กลัวว่า เครื่องจักรกลคอมพิวเตอร์ทำให้คนตกงาน การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาแทนมนุษย์ในโรงงานอุตสาหกรรมก็เพื่อลดต้น ทุนการผลิต และผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานความ เปลี่ยนแปลงก่อให้เกิดความเครียด เกิดความทุกข์และความเดือดร้อนแก่ครอบครัวติดตามมา การดำเนินธุรกิจในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ ก่อให้เกิดสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง การทำงานต้องรวดเร็ว เร่งรีบเพื่อชนะคู่แข่ง ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและถูกต้อง หากทำไม่ได้ก็จะทำให้หน่วยงานหรือองค์กรต้องยุบเลิกไป เมื่อชีวิตของคนในสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศต้องแข่งขัน ก็ย่อมก่อให้เกิดความเครียดสูงขึ้น

            2. ก่อให้เกิดการรับวัฒนธรรม หรือแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนในสังคมโลก การแพร่ของวัฒนธรรมจากสังคมหนึ่งไปสู่งสังคมอีกสังคมหนึ่งเป็นการสร้างค่า นิยมใหม่ให้กับสังคมที่รับวัฒนธรรมนั้น ซึ่งอาจก่อให้เกิด ค่านิยมที่ไม่พึ่งประสงค์ขึ้นในสังคมนั้น เช่น พฤติกรรมที่แสดงออกทางค่านิยมของเยาวชนด้านการแต่งกายและการบริโภค การมอมเมาเยาวชนในรูปของเกมส์อิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอารมณ์และจิตใจของเยาวชน เกิดการกลืนวัฒนธรรมดังเดิมซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ของสังคมนั้นๆ

            3. ก่อให้เกิดผลด้านศิลธรรม การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วในระบบเครือข่ายก่อให้เกิดโลกไร้พรมแดน แต่เมื่อพิจารณาศิลธรรมของแต่ละประเทศ พบว่ามีความแตกต่างกัน ประเทศต่างๆผู้คนอยู่ร่วมกันได้ด้วยจารีตประเพณี และศิลธรรมดีงามของประเทศนั้นๆ การแพร่ภาพหรือข้อมูลข่าวสารที่ไม่ดีไปยังประเทศต่างๆ มีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในประเทศนั้นๆที่นับถือศาสนาแตกต่างกัน และมีค่านิยมแตกต่างกัน ทำให้เยาวชนรุ่นใหม่สับสนต่อค่านิยมที่ดีงามดั่งเดิม เกิดการลอกเลียนแบบ อยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ ที่ผิดศิลธรรม จนกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องในกลุ่มเยาวชน เมื่อเยาวชนปฏิบัติต่อๆ กันมาก็จะทำให้ศิลธรรมของประเทศนั้นๆ เสื่อมสลายลง

            4. การมีส่วนร่มของคนในสังคมลดน้อยลง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในการสื่อสาร และการทำงาน แต่ในอีกด้านหนึ่งการมีส่วนร่วมของกิจกรรมทางสังคมที่มีการพบปะสังรรค์กันจะ มีน้อยลง สังคมเริ่มห่างเหินจากกัน การใช้เทคโนโลยีสื่อสารทางไกลทำให้ทำงานอยู่ที่บ้านหรือเกิดการศึกษาทางไกล โดยไม่ต้องเดินทางมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ระหว่างครูกับนักเรียน ระหว่างกลุ่มคนต่อกลุ่มคนในสังคมก่อให้เกิดช่องว่างทางสังคมขึ้น

            5. การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไม่มีขีดจำกัดย่อมส่งผลต่อการละเมิดสิทธิส่วน บุคคล การนำเอาข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับบุคคลออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งข้อมูลบางอย่างอาจไม่เป็นจริงหรือยังไม่ได้พิสูจน์ความถูกต้องออกสู่ สาธารณชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลโดยไม่สามารถป้องกันตนเองได้ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เช่นนี้ต้องมีกฎหมายออกมาให้ความคุ้มครองเพื่อให้นำข้อมูลต่างๆ มาใช้ในทางที่ถูกต้อง

            6. เกิดช่องว่างทางสังคม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะเกี่ยวช้องกับการลงทุน ผู้ใช้จึงเป็นชนชั้นในอีกระดับหนึ่งของสังคม ในขณะที่ชนชั้นระดับรองลงมามีอยู่จำนวนมากกลับไม่มีโอกาสใช้ และผู้ที่ยากจนก็ไม่มีโอกาสรู้จักกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศไม่กระจายตัวเท่าที่ควร ก่อให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างชนชั้นหนึ่งกับอีกชนชั้นหนึ่งมากยิ่งขึ้น

            7. เกิดการต่อต้านเทคโนโลยี เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทต่อการทำงานมากขึ้น ระบบการทำงานต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป มีการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา การ สาธารณสุข เศรษฐกิจการค้า และธุรกิจอุตสาหกรรม รวมถึงกิจกรรมการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ โดยที่ประชาชนของประเทศส่วนมากยังขาดความรู้ใจเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ เครือข่ายและคอมพิวเตอร์จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการทำงาน คนที่ทำงานด้วยวิธีเก่าๆ ก็เกิดการต่อต้านการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เกิดความรู้สึกหวาดระแวงและวิตกกังวล เกรงกลัวว่าตนเองด้อยประสิทธิภาพ จึงเกิดสภาวะของความรู้สึกต่อต้าน กลัวสูญเสียคุณค่าของชีวิตการทำงาน สังคมรุ่นใหม่จะยอมรับในเรื่องของความรู้ความสามารถมากกว่ายอมรับวัยวุฒิ และประสบการณ์ในการทำงานเหมืนเช่นเดิม

            8. อาชญากรรมบนเครือข่าย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ ขึ้น เช่น ปัญหาอาชญากรรม ตัวอย่างเช่น อาชญากรรมในรูปของการขโมยความลับ การขโมยข้อมูลสารสนเทศ การให้บริการ สารสนเทศที่มีการหลอกลวง รวมถึงการบ่อนทำลายข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในระบบเครือข่าย เช่น ไวรัสเครือข่ายการแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก่อให้เกิดการหลอกลวง และมีผลเสียติดตามมาลักษณะของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ที่รู้จัก กันดีได้แก่ แฮกเกอร์ (Hacker) และแครกเกอร์ (Cracker) โดยเฉพาะแฮกเกอร์ คือ ผู้ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลของหน่วยงานสำคัญๆ โดยเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัย แต่ไม่ทำลายข้อมูล หรือหาประโยชน์จากการบุกรุกคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น แต่ก็ถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่งที่ไม่พึงประสงค์ ส่วนแครกเกอร์ คือ ผู้ซึ่งกระทำการถอดระหัสผ่านข้อมูลต่างๆ เพื่อให้สามารถนำเอาโปรแกรมหรือข้อมูลต่างๆ มาใช้ใหม่ได้เป็นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นการลักลอกหรือเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง

            9. ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการทำงาน การศึกษา บันเทิง ฯลฯ การจ้องมองคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ มีผลเสียต่อสายตาซึ่งทำให้สายตาผิดปกติ มีอาการแสบตา เวียนศรีษะ นอกจากนั้นยังมีผลต่อสุขภาพจิต เกิดโรคทางจิตประสาท เช่น โรคคลั่งอินเตอร์เน็ต เป็นโรคที่เกิดขึ้นในคนรุ่นใหม่ลักษณะ คือ แยกตัวออกจากสังคมและมีโลกส่วนตัว ไม่สนใจสภาพแวดล้อมก่อให้เกิดอาการป่วยทางจิตคลุ้มคลั่งสลับซึมเศร้า อีกโรคหนึ่ง คือ โรคคลั่งช้อปปิ้งทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะการเสนอสินค้าทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ผ่านอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีลูกค้าสนใจเข้าไปช้อปปิ้งดูสินค้าต่างๆ ทวีความรุ่นแรงมากยิ่งขึ้นจนเป็นที่สนใจของจิตแพทย์ นอกจากนั้นการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ก่อให้เกิดโรคอาร์เอสไอ (Repetitive Strain Injury : RSI) ซึ่งมีอาการบาดเจ็บเนื่องจากการใช้แป้นพิมพ์เป็นเวลานานๆ ทำให้เส้นประสาทรับความรู้สึกที่มือ และนิ้วเกิดบาดเจ็บขึ้นเมื่อใช้อวัยวะนั้นบ่อยครั้ง เส้นประสาทรับความรู้สึกเกิดเสียหายไม่รับความรู้สึกหรือรับน้อยลง

ทั้งนี้ทั้งนั้นผลกระทบของไอทียังสามารถแบ่งออกได้หลายด้าน ดังนี้

ด้านธุรกิจ
            1. ไอทีมีส่วนช่วยในการตัดสินใจในธุรกิจที่สนใจได้ทันทีทันใด บนพื้นฐานของข้อมูลที่กำหนดให้
            2. ไอทีช่วยให้ต้นทุนในการผลิตและการบริการลดลง
            3. ลดการติดต่อสื่อสารผ่านคนกลาง โดยผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยตรงทำให้ลดขั้นตอนในการ สื่อสารและทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง

ด้านสื่อสารมวลชน
            1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การกระจายข่าวสารทำได้รวดเร็ว และ เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
            2. ด้วยรูปแบบที่หลากหลายของเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การกระจายข้อมูลหลายหลายขึ้นอีกทั้งยังให้ข้อมูลมีความน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย
ด้านโครงสร้างทางสังคม
            1. ทำให้องค์กรเข้าถึงมวลชนได้ง่ายขึ้นทำให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายเข้าถึงกันได้มากขึ้น
            2. ทำให้ประชาชนมีอำนาจในการต่อรองกับรัฐมากขึ้น เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายทำให้ทราบความเลื่อนไหวที่เกิด ขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ด้านวัฒนธรรมและการศึกษา
            1. เกิดการแพร่หลายทางวัฒนธรรมที่มาจากต่างถิ่น เพราะทุกคนสามารถเสาะหาข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายจากเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่
ในปัจจุบัน
            2. ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรงด้วยตัวเอง และทันทีทันได้ที่ต้องการเรียนรู้
            3. ทำให้เกิดการเรียนรู้ด้านภาษา และเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากมัน

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

♥♥ ประวัติแพรวา ฮอร์โมนวัว้าวุ่น ♥♥
แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ สาว หน้าหมวย จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น เธอพกพาความมั่นใจและรอยยิ้ม พร้อมความสามารถโชว์การรำมวย ที่ดูขัดกับความสวยของเธอ มาแสดงต่อคณะกรรมการ และได้คัดเลือกเป็น 1 ใน 5 นักแสดงหน้าใหม่ที่ได้ร่วมเล่น ซีรีส์ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น มาจากการปรพกวด Hormones The Next Gen อย่ารอช้า เรามาติดตามประวัติและภาพน่ารักๆ ของสาวคนนี้กันคะ .. ประวัติ แพรวา ณิชาภัทร หรือ ขนมปัง ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ซีซั่น 2

ใน  ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 นี้ แพรวารับบทเป็น ขนมปัง นักเรียนใหม่ชั้น ม. 4 เ็นน้องสาวของ ป๊อบ วีอาร์ซอส (ท๊อป ณภัทร) ที่เกิดมาปิ๊งรักกับ ต้า รุ่นพี่ ม.6 แล้วตอนนี้ทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันไปซะแล้ว! ฟินไปตามๆ กันเลย
ชื่อ : ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์
ชื่อเล่น : แพรวา
เกิด : วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2538
อายุ : 18 ปี
สูง :  159 ซม. น้ำหนัก : 43 กก.
มีพี่น้อง : เป็นลูกสาวคนกลาง มีพี่ชายและน้องชาย
การศึกษา : เรียนสาย ศิลป์-จีน โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ : สุนัข
ชอบหนังแนว : แฟนตาซี


ภาพจาก IG?& Twitter : @nichaphatc
  • ประวัติสายพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน

ปอม เมอเรเนียนสืบเชื้อสายมาจากสุนัขลากเลื่อนแถบไอซ์แลนด์และแลปแลนด์  อาจจะสงสัยว่าเป็นสุนัขลากเลื่อนแต่ทำไมตัวกะจึ๋งเดียว อาจเป็นเพราะว่าได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้กลายเป็นสุนัขขนาดเล็ก เพื่อเลี้ยงเอาไว้เป็นเพื่อนมากกว่าจะเอาไว้ใช้งาน  เพราะจริง ๆแล้วปอมเมอเรเนียนตัวใหญ่ๆ สามารถใช้เป็นสุนัขเฝ้าฝูงแกะยังได้  แถมยังมีหลักฐานว่าตอนแรกๆ ที่มาถึงอังกฤษ (ราวกลางศตวรรษที่๑๙) พ่อพันธุ์แม่พันธุ์บางตัวหนักถึง ๓๐ ปอนด์ แลดูคล้าย German wolf spitz ทั้งขนาด ลักษณะขน รวมทั้งสีขนด้วย        เดิมคนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักปอมเมอเรเนียนกันนัก จนกระทั่งปีค.ศ.๑๘๗๐ Kennel Club แห่งอังกฤษได้เปิดตัวแนะนำสุนัขพันธุ์นี้ และยิ่งดังใหญ่เมื่อปีค.ศ.๑๘๘๘ ควีนวิคตอเรียแห่งอังกฤษเกิดไปตกหลุมรักมันเข้าที่ยุโรป ถึงกับพากลับมาที่อังกฤษด้วย ในสมัยนั้นสาวๆ มักเลียนแบบแฟชั่นและกิจกรรมจากราชสำนัก การเลี้ยงปอมเมอเรเนียนจึงแพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง  มีเรื่องเล่ากันว่าควีนวิคตอเรียทรงโปรดสุนัขพันธุ์นี้มาก แม้กระทั่งวันที่สิ้นพระชนม์ยังทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้เอาเจ้า Turi สุนัขปอมเมอเรเนียนตัวโปรดมาไว้ข้างพระแท่นบรรทม และเจ้า Turi นี้ก็ได้นอนเฝ้าอยู่จนควีนสิ้นพระชนม์ นอกจากนี้พระองค์ยังได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นผู้ที่ทำให้สาธารณชนรู้จักและ นิยมเลี้ยงปอมเมอเรเนียนตัวเล็ก       สำหรับในอเมริกา สุนัขพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ถูกนำมาโชว์ครั้งแรกในปีค.ศ.๑๘๙๒ แต่ยังไม่ได้รับการกำหนดชัดเจนว่าจะให้อยู่ในกลุ่มสุนัขชนิดไหน จนกระทั้งปี ค.ศ.๑๙๐๐ จึงได้มีการกำหนดกันที่นิวยอร์ค และในปีค.ศ.๑๙๑๑ ก็มีงานโชว์สุนัขพันธุ์นี้เป็นครั้งแรกโดย American Pomeranian Club ในช่วงแรก ๆ ปอมเมอเรเนียนที่ชนะการประกวด ส่วนใหญ่จะกระดูกหนา หูใหญ่ และน้ำหนักต่ำกว่า ๖ ปอนด์โดยประมาณ ขนให้สัมผัสที่ดีแต่ไม่ฟูมากเท่าปัจจุบัน  ปอมเมอเรเนียนที่ได้มาตรฐานตามกำหนดในปัจจุบันจะต้องมีขนาดเล็ก (น้ำหนักประมาณ   3-7 ปอนด์) ผู้ที่พัฒนาสายพันธุ์จนมีขนาดเล็กลงได้อย่างนี้คือ นักผสมพันธุ์สุนัขชาวอเมริกา จึงไม่น่าแปลกใจที่ปอมเมอเรเนียนสายพันธุ์จากอเมริกาได้รับการยอมรับให้เป็น The best เกียรติประวัติครั้งสำคัญคือเมื่อ Ch. Pall Mall His Majesty นำปอมเมอเรเนียนสายพันธุ์จากอเมริกาเข้าประกวดที่ยุโรป ก็ได้รับรางวัล Best in Show มาหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ยังคว้ารางวัลเกียรติยศสูงสุดจากการประกวดกับสุนัขทุกสายพันธุ์รวม กันทั้งหมดอีกด้วย ด้วยความที่ตัวเล็ก เชื่อง หากแต่ร่าเริงและแข็งแรง ทำให้ปอมเมอเรเนียนเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันไว้เป็นเพื่อนคู่ใจไปทั่วโลก
มาตรฐานสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียนลักษณะทั่วไป
เป็นสุนัขขนาดเล็กกะทัดรัด หลังสั้น มีขนสองชั้น  ขนชั้นในจะนุ่มหนา ส่วนขนชั้นนอกจะหนา ยาว และค่อนข้างฟู ให้สัมผัสหยาบกว่าขนชั้นในเล็กน้อย หางก็มีขนยาวหนาเช่นกัน โคนหางตั้งอยู่สูงและทอดยาวย้อนมาบนหลัง  ปอมเมอเรเนียนเป็นสุนัขที่มีท่าทางกระตือรือร้น เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง แสดงออกถึงความเฉลียวฉลาดและมักมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเคลื่อนไหวจะดูเอาจริงเอาจัง มีอำนาจ และแข็งแรงมั่นคง
ขนาด สัดส่วนและโครงร่าง โดยเฉลี่ยจะหนักประมาณ 3-7 ปอนด์ แต่ถ้าใช้ในงานโชว์ก็มักจะอยู่ที่ 4-6 ปอนด์ ในการประกวดนั้น ถ้าสุนัขตัวใดมีน้ำหนักสูงหรือต่ำกว่านี้ต้องตกรอบทันที แต่กระนั้นก็ควรพิจารณาคุณลักษณะโดยรวมเป็นสำคัญมากกว่าขนาดของสุนัข ในแง่ของสัดส่วน ถ้าเปรียบเทียบความยาวจากไหล่ถึงบั้นท้าย ต้องสั้นกว่าความยาวจากจุดสูงสุดของไหล่ถึงพื้นเล็กน้อย  ส่วนความยาวจากอกถึงพื้นต้องยาวเป็นครึ่งหนึ่งของระยะจากจุดสูงสุดของไหล่ ถึงพื้น  ปอมเมอเรเนียนมีโครงร่างไม่เล็กไม่ใหญ่ ขาทั้งสี่ก็ไม่สั้นหรือยาวเกินไปจนทำให้โครงร่างดูเสียสมดุล  ในการแข่งขันถ้ากรรมการเข้าตรวจ สุนัขต้องรู้สึกสงบ มั่นคง
หัว
หัว ต้องได้สัดส่วนสมดุลกับลำตัว ช่วงปากและจมูก (muzzle) ค่อนข้างสั้นและตรง ดูสวยงาม      ริมฝีปากไม่ห้อยย้อย จมูกไม่แหลมชี้จนดูไม่มีมิติ ลักษณะของหัวทำให้ดูรู้สึกว่าเป็นสุนัขที่กระตือรือร้น หรืออาจเทียบเคียงได้กับสุนัขจิ้งจอกเลยทีเดียว กะโหลกปิด ส่วนบนค่อนข้างกลมแต่ไม่ถึงกับโค้งเป็นรูปโดม เมื่อมองจากด้านหน้าและด้านข้างจะเห็นหูเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่สูงและตั้งชันอยู่เสมอ ถ้ามองจากปลายจมูกขึ้นไปยังดวงตาจนถึงปลายหูทั้งสองจะต้องเห็นเป็นแนวรูปตัว V ตาสีเข้ม เป็นประกาย ดวงตาเป็นรูปอัลมอนด์ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป สุนัขพันธุ์นี้ต้องมีจมูกและขอบตาสีดำ ส่วนขนอาจเป็นสีน้ำตาล น้ำเงิน หรือสีผสมระหว่างขาว เทา น้ำตาล และดำ (เรียกว่า Beaver) ฟันบนครอบฟันล่างสนิทพอดี โดยที่ฟันบนไม่ยื่นเหยินออกไป ถ้ามีฟันเกสักหนึ่งซี่ก็ไม่เป็นไร ข้อบกพร่องสำคัญ กะโหลกกลมเป็นรูปโดม ฟันบนหรือฟันล่างเหยินออกจนฟันทั้งสองแถวสบกันไม่สนิท คอ แนวสันหลังและลำตัว คอสั้น แต่ตั้งอยู่บนไหล่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พอจะทำให้สามารถยกหัวขึ้นตั้งสูงได้อย่างสง่างาม หลังสั้น เส้นแนวหลังตรง ลำตัวขนาดกะทัดรัด  ซี่โครงกางออกพอดีโดยมีพื้นอกยาวมาจดข้อศอก หางของปอมเมอเรนียนเป็นลักษณะเด่นเฉพาะของสายพันธุ์นี้ หางต้องวางแนบตรงอยู่กับแนวหลัง
ลำตัวส่วนหน้า
ไหล่ และขามีกล้ามเนื้อแข็งแรงพอสมควร โดยเฉพาะไหล่นั้นต้องแข็งแรงพอที่สุนัขจะตั้งหัวเชิดสูงได้ กระดูกไหล่กับขาท่อนบนยาวเท่ากัน  ขาหน้าตรงและขนานกัน วัดความยาวจากจุดสูงสุดของไหล่ถึงข้อศอกจะยาวเท่ากับข้อศอกจดพื้น ข้อเท้าตรงและแข็งแรง เท้าโค้ง มีขนาดกะทัดรัด ไม่หุบเข้าหรือกางออก ยืนได้อย่างมั่นคง นิ้วติ่งอาจตัดทิ้งได้ ข้อบกพร่องสำคัญ ข้อเท้าห้อย ไม่แข็งแรงการย่างก้าว เดินได้อย่างเป็นอิสระ ไม่สะดุดขัด ได้สมดุลและสง่างาม ขาหน้าก้าวเหยียดออกไปได้สุด ในขณะที่ขาหลังก็มีแรงส่งผลักให้ลำตัวเคลื่อนไปข้างหน้าได้เต็มที่ ขาหลังก้าวไปในแนวเดียวกันกับขาหน้าแต่ละข้าง ในการทรงตัวเมื่อเคลื่อนไหว สุนัขจะก้าวขาเข้ามาใต้ลำตัว ขณะเดินหรือวิ่งแนวสันหลังต้องยังคงเป็นเส้นตรง รูปร่างไม่บิดเบี้ยวและเคลื่อนไหวอย่างได้สมดุลดี
ลำตัวส่วนหลัง
ลำ ตัวส่วนหลังได้สมดุลกับลำตัวส่วนหน้า โคนขามีกล้ามเนื้อแข็งแรงแต่ไม่หนาหนัก  เข่างอพอสมควรและเห็นแนวเข่าได้ชัด ข้อศอกขาหลังตั้งฉากกับพื้น ขาทั้งสองตรงและขนานกัน  เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้าดังที่ได้กล่าวไปแล้ว นิ้วติ่งอาจตัดทิ้งได้เช่นกัน ข้อบกพร่องสำคัญ ขาหลังโก่ง ขาหรือข้อศอกหลังไม่แข็งแรง
ขน
ลักษณะพิเศษของปอมเมอเรเนียนคือ มีขนสองชั้น ขนชั้นในอ่อนนุ่ม หนา ขนชั้นนอกยาว ตรง มันวาวแต่ให้สัมผัสหยาบ เนื่องจากขนชั้นในหนามากจึงทำให้ขนชั้นนอกไม่ลู่แนบติดกับลำตัว จึงดูเป็นขนที่ยาวและฟู ขนที่ลำตัวส่วนหน้าจะยาวลงมาจากคอ ไหล่ และอก ขนที่หัวและขาจะสั้นกว่า ขนที่ลำตัวส่วนหลังจะยาวไปจนถึงข้อศอกขาหลัง หางก็มีขนตรง ยาว หยาบและหนาเช่นกัน การเล็มขนเพื่อความสะอาด และแลดูเป็นระเบียบสามารถทำได้ ข้อบกพร่องสำคัญ ขนชั้นนอกนุ่ม ลีบ ขนบางหรือร่วงจนมองเห็นผิวหนังได้
สี
ปอมเมอเรเนียนจะมีรูปแบบของสีตามลำตัวต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ต้องได้รับการพิจารณาตัดสินอย่างเท่าเทียมกัน รูปแบบของสีจะมีดังนี้Black and Tan  : เห็นเป็นสีแทนหรือสีสนิมอย่างชัดเจน สีนี้จะอยู่เหนือตา, ปาก, คอ, หน้าอก, ขาและเท้าทั้งสี่ และใต้หาง  นิยมกันว่าสีแทนนั้นยิ่งเข้มยิ่งดีBrindle  : สีหลักคือสีทอง สีแดง หรือสีส้มที่มีแถบลายสีดำเข้ม Parti-color : สีขาวผสมกับแถบสีอะไรก็ได้ มักนิยมให้อยู่บนหัว ในการประกวด ถ้ามีการแบ่งกลุ่มมักจะจัดกลุ่มตามสีดังนี้Open Red, Orange, Cream, and SableOpen Black, Brown and BlueOpen Any Other Color, สีตามรูปแบบดังที่กล่าวข้างต้น หรือสีอื่นๆ
นิสัยและอารมณ์
ปอมเมอเรเนียนไม่ใช่สุนัขประเภทเก็บเนื้อเก็บตัว หากแต่ชอบแสดงออก ฉลาดเฉลียว ร่าเริง ทำให้เหมาะที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนหรือจะเลี้ยงไว้ประกวดก็ได้ ในการประกวด สุนัขจะต้องมีลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้นทุกประการ หากมีลักษณะใดผิดไปจากกำหนดจะต้องถูกหักคะแนนตามความเหมาะสม